วารสารวิชาการ

Vol 13, No 2 (2017): กรกฏาคม - ธันวาคม 2560

วารสารวิชาการ ปี 2017, ปีที่ตีพิมพ์ 2017


พัฒนารูปแบบการดูแลภาวะช็อกจากการเสียเลือดในผู้ป่วยบาดเจ็บหลายระบบโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ ( DEVELOPING A MODEL OF CARE FOR THE MULTIPLE TRAUMA HYPOVOLEMIC SHOCK PATIENTS IN SAWANPRACHARAK HOSPITAL )

Abstract

 

          การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนาเพื่อพัฒนาและศึกษาผลลัพธ์ของรูปแบบการดูแลภาวะ ช็อกจากการเสียเลือด (Hypovolemic shock) ในผู้ป่วยบาดเจ็บหลายระบบในระยะวิกฤตหอผู้ป่วยศัลยกรรมอุบัติเหตุ โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ ระยะดำเนินการวิจัยระหว่างเดือนมกราคม 2559 ถึงเดือนสิงหาคม 2559 แบ่งเป็น3 ระยะ คือ 1) ศึกษาสถานการณ์การดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะช็อกจากการเสียเลือดในผู้ป่วยบาดเจ็บหลายระบบ 2) พัฒนารูปแบบ 3) ศึกษาผลลัพธ์ของรูปแบบฯ กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วย พยาบาลวิชาชีพหอผู้ป่วยศัลยกรรมอุบัติเหตุ จำนวน 20คน ผู้ป่วยที่มีภาวะช็อกจากการเสียเลือดระดับ 2 (Hypovolemic shock class II) ไปเป็น ระดับ 3 (class III) ในระยะก่อนใช้รูปแบบจำนวน 130 คน ระหว่างใช้รูปแบบฯ จำนวน 65 คน เครื่องมือที่ใช้ในศึกษาได้แก่ 1) รูปแบบการดูแลภาวะช็อกจากการเสียเลือดในผู้ป่วยบาดเจ็บหลายระบบ 2) แนวทางปฏิบัติการดูแลฯ ที่พัฒนาขึ้น 3) เครื่องมือรวบรวมข้อมูลและแบบบันทึกผลลัพธ์การดูแลผู้ป่วยวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนาและสถิติ t-test group และ exact probability test

          ผลการวิจัยพบว่า รูปแบบฯการดูแลผู้ป่วยมีองค์ประกอบสำคัญ คือ 1) ทีมสหวิชาชีพ 2) แผนปฏิบัติงาน 3) การมีส่วนร่วมของผู้ป่วยและครอบครัว 4) สมรรถนะของพยาบาล 5) กระบวนการดูแลโดยใช้แนวปฏิบัติการพยาบาล และ 6) การจัดการความรู้ ผลลัพธ์การตอบสนองด้านกระบวนการดูแล พบว่าระยะเวลาเกิดเหตุถึงหอผู้ป่วย (78.4 นาที และ 63.3 นาที, p=0.005) ระยะเวลาห้องอุบัติเหตุถึงแพทย์วินิจฉัยภาวะช็อก (32.4 นาที และ 25.4 นาที, p=0.001) ด้านการพยาบาล ระยะเวลาในการรายงานแพทย์เมื่อผู้ป่วยถึงหอผู้ป่วย (10.5 นาที และ 3.98 นาที, p=<0.001) และด้านผู้ป่วยความรุนแรงของภาวะช็อกจากการเสียเลือดระดับสองไประดับสามภายใน 24 และ 72 ชั่วโมง (ร้อยละ 42, 31 และ ร้อยละ 6, 4, p=<0.001, 0.003) ภาวะพร่องออกซิเจน ภายใน 24 และ 72 ชั่วโมง (ร้อยละ 27, 19 และ ร้อยละ 2, 2, p=0.001, 0.014) แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ อย่างไรก็ดีภาวะสุขภาพผู้ป่วยภายใน 72 ชั่วโมงของสองกลุ่ม พบความพิการปานกลาง (ร้อยละ 66.2 และ 69.2, p=0.407) ไม่แตกต่าง

          สรุปได้ว่ารูปแบบฯการดูแลสามารถลดความรุนแรง ภาวะช็อกจากการเสียเลือด ระดับสองไปสู่ระดับสามและลดการเกิดพร่องออกซิเจนในโรงพยาบาลได้ และเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีอย่างต่อเนื่อง ควรมีการศึกษาเพื่อติดตามประเมินผลในระยะฟื้นสภาพก่อนจำหน่ายหรือส่งต่อ ทั้งในโรงพยาบาลและติดตามเยี่ยมไปถึงโรงพยาบาลในเครือข่าย

          This research aimed to develop the model of care for the Hypovolemic shock multiple trauma patients in Sawanpracharak Hospital. The study was implemented between January, 2016 to August, 2016. There were three phases of research included: 1) analyzing the context and situation of multiple trauma care. 2) developing the model of the Hypovolemic shock multiple trauma patients care, and 3) evaluating the effectiveness of model. The target subjects were 20 nurses working in the trauma wards who were continuously implemented in the for the Hypovolemic shock multiple trauma patient care model, 130 Hypovolemic shock class II to class III in multiple trauma patients before receiving the model, and 65 multiple trauma patients during before receiving. The instruments used for collecting data were: 1) the Hypovolemic shock multiple trauma patient care model, 2) the protocol of caring for the Hypovolemic shock multiple trauma patient care model, and 3) the data record outcome of taking care of Hypovolemic shock multiple trauma patients. Data were analyzed using the descriptive statistic independent t-test, and exact probability test.

          The findings revealed that the components influenced the model of the Hypovolemic shock multiple trauma patients care included: 1) multidisciplinary team, 2) operational plans, 3) participate of patients and families, 4) competency for nurses working in the trauma, 5) multiple trauma patient care processes, and 6) knowledge management. The model effectiveness testing showed the statistically significant differences between prior and during receiving the care for the Hypovolemic shock multiple trauma patients care model as follow: Process indicators showed The duration of the accident to the traumatic ward (78.4 and 63.3, p=0.005), Accident and Emergency Room time to physician diagnosed with Hypovolemic shock (32.4 and 25.4, p=0.001). Nursing Indicators showed The duration of the physician’s report when the patient admit ward (10.5 and 3.98, p=<0.001) and Patient indicators showed Hypovolemic shock class II to class III within 24 hours, and 72 hours (42, 31 and 6, 4, p=<0.001, 0.003) Hypoxia within 24 hours, and 72 hours (27, 19 and 2, 2, p=0.001, 0.014). However, the health status of patients within 72 hours showed moderate disability (66.2 and 69.2 (p=0.407) of the two groups were no statistically significant differences.

          Results that the model of care for the Hypovolemic shock multiple trauma patients can reduce severity Hypovolemic shock from level II goes to level III and deceased Hypoxia in the hospital. And to achieve consistently good results, Should be studied to monitor the recovery phase before discharge. Both in the hospital and follow-up visits to the hospital in the network.

 

References

 

ศูนย์ข้อมูลอุบัติเหตุ. ข้อมูลอุบัติเหตุ 2549-2558. เข้าถึงได้: URL:http://service.nso.go.th/nso/web/statseries/statseries.

Newberry L. Emergency nursing principle and practice. Philadephia: Mosby National Institute for Clinical Excellence 2001. Avaiilable January 7, 2017, form URL: http://www. nice.org.uk.

Nicola C, Sally H, Carolyn D, Chris H, Karim B, Simon S. The acute management of trauma hemorrhage: a systematic review of randomized controlled trials. Critical Care 2011; 15-92.

Chad MC, Carla CB, Mendy KS, Jonathan DM, Elizabeth C, Michael M. Utility of the Shock Index in Predicting Mortality in Traumatically Injured Patients. The Journal of TRAUMA Injury, Infection, and Critical Care 2009; 67: 1426-1430.

Kevin FM, Jose DC, Juan SC, Luis RN, Gustavo P. Shock index as a mortality predictor in patients with Acutepolytrauma.Journal of Acute Disease 2015; 4: 202–204.

Schumacher KL, Meleis AI. Transitions: A central concept in nursing. Journal of Nursing Scholarship1994; 26:119-127.

Meleis AI, Sawyer LM, Im E, Messias DK, Schumacher K.Experiencing transitions: An emerging middle-rangetheory. Advance Nursing Science 2000; 23:12-28.

โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์. สรุปผลงานประจำปี 2558. นครสวรรค์: โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์; 2558.

Alexandar RH, & Proctor HJ. ATLS Advance Trauma Life Support: Student manual. The American College of Surgeons: Chicago 1993.

Newberry L. Emergency Nursing Principle and Practice. Philadephia: Mosby 2003.

ชไมพันธุ์ สันติกาญจน์ และคนอื่นๆ. รายงานการเฝ้าระวังการบาดเจ็บในประเทศไทย. กรุงเทพฯ: 2538, 21:3, 144-155.

กฤษดา แสวงดี, ชฎาภรณ์ เปรมปรามอมร, สารา วงษ์เจริญ, ส่งศรี กิตติรักษ์ตระกูล, จินนะรัตน์ ศรีภัทรภิญโญ และอัมภา ศรารัชต์. มาตรฐานบริการพยาบาลศูนย์ตติยภูมิเฉพาะทาง “ศูนย์อุบัติเหตุ” กรุงเทพฯ: บริษัทสามเจริญพาณิชย์; 2548.

Mutschler M, Paffrath T, Wolfl C, Probst C, Nienaber U, Schipper B, et al. The ATLS classification of hypovolaemic shock: A well established teaching tool on the edge. Injury, Int, J. Care Injured 2014; 45: S35-S38.

Glenn S, Michael P, Michael S, editors. Management of Hypovolaemic Shock in the Trauma Patient.Institute of Trauma and Injury Management (online) 2007 (cited 2007 Jan); 1:(50). Avaiilable from: URL: http://www.health.nsw.gov.au.

กัญญารัตน์ ผึ่งบรรหาร, ฐิติ ภมรศิปะธรรม และลัดดา มีจันทร์. การพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยบาดเจ็บหลายระบบในภาะวิกฤต โรงพยาบาลอุตรดิถ์, สารสารวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์ 2557; 1: 24-37.

ประณีต ส่งวัฒนา. กระบวนการดูแลผู้บาดเจ็บอย่าง. วารสารมหาวิทยาลัยนราธิวาส. 2555; 2: 16-28.

วันที่โพส วันที่ 2 กันยายน 2562 เวลา 15.44 น. , อ่าน 930 , โพสโดย กลุ่มแผนงาน





Full Text | ดาวน์โหลด 547 ครั้ง